carsport

http://chatri007.siam2web.com/

   ต้นกำเนิดของรถยนต์ก็คือ "รถโดยสารเทียมม้า" ซึ่งเริ่มบุกเบิกการขนส่งผู้โดยสารทางถนนในศตวรรษที่สิบเจ็ด และมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 200 ปีต่อมาในต้นศตวรรษที่สิบเก้า รถม้าปรับปรุงรูปแบบให้ดีขึ้น

ในปี ค.ศ.1678 "คริสเตียน ฮอยเกนส์" ชาวดัตช์ได้เขียนในทางทฤษฎีไว้เกี่ยวกับเครื่องยนต์สันดาปภายในทำงานด้วยดินดำถูกจุดในกระบอกสูบเกิดกำลังงานผลักดันลูกสูบในกระบอกสูบ

"เอบเบ ฮอเตฟอฮิลเยร์" ชาวฝรั่งเศส เป็นคนแรกที่ได้คิดเครื่องยนต์ลูกสูบ โดยใช้ดินปืนขึ้นในปี 1678 การระเบิดของดินปืนภายในกระบอกสูบ ทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ซึ่งทำให้เกิดงานขึ้น

ต่อมาในปี 1680 ฮอยเกนส์ได้สร้างเครื่องยนต์ชนิดนี้ขึ้นใช้งานจริง เครื่องยนต์ของเขาประกอบด้วย กระบอกสูบและลูกสูบที่ฟิตพอดีๆ เมื่อจุดดินปืน ลูกสูบที่มีน้ำหนักมากจะถูกผลักดันให้ขึ้นไป เมื่อความดันในกระบอกสูบ เท่ากับความดันภายนอกลูกสูบจะหยุดอยู่กับที่ชั่วระยะหนึ่ง น้ำหนักของลูกสูบ รวมกับการหดตัวของแก๊สในกระบอกสูบ จะทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ลง

ถ้าจัดเชือกให้มีความยาวพอเหมาะ เครื่องยนต์นี้จะยกน้ำหนักไปยังที่ที่ต้องการได้เครื่องยนต์ชนิดนี้ จุดดินปืนครั้งหนึ่ง จะทำงานครั้งหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถควบคุมอัตราการเผาไหม้ให้เป็นไปตามต้องการได้ การจุดดินปืนแต่ละครั้งก็ทำได้ด้วยความยากลำบากเครื่องยนต์ชนิดนี้จึงพัฒนาต่อไปไม่ได้

เวลาผ่านมาร่วม 200 ปี ในปี ค.ศ.1860 "เอเตียง เลอนัวร์" ชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เครื่องยนต์ใช้หลักการเดียวกันแต่แพร่หลายมากกว่า โลกจึงรู้จักว่าเครื่องยนต์ของเลอนัวร์เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในเครื่องแรกของโลก

เอเตียง เลอนัวร์ เกิดในเบลเยียม เมื่อปี ค.ศ.1822

ในปี ค.ศ.1859 เลอนัวร์ได้สร้างเครื่องยนต์ลูกสูบเดียวสองจังหวะ ซึ่งจุดระเบิดด้วยประกายไฟฟ้าได้สำเร็จ และในปี ค.ศ.1863 ได้ทดลองติดตั้งเครื่องยนต์ลงบนรถยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งแม้ว่าจะใช้งานได้ดี แต่จะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูง และมีเสียงดังเกินไป อีกทั้งยังมีความร้อนสูงมาก เนื่องจากการระบายความร้อนไม่ดีพอ

เลอนัวร์จึงปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาใช้กับเครื่องกลขนาดเล็ก เช่น เครื่องพิมพ์ ปั๊มน้ำ ซึ่งได้ประสิทธิภาพมากกว่า เครื่องยนต์ของเลอนัวร์กำลังระหว่าง 6-20 แรงม้า ถูกสร้างขึ้นมากกว่า 500 เครื่อง ก่อนจะหยุดการผลิตเนื่องจากมีเครื่องยนต์จากนักประดิษฐ์รุ่นหลังเข้ามาแทนที่

สำหรับ รถยนต์ที่จะถูกผลิตส่งออกสู่ตลาดในอนาคตคาดว่าจะค่อยๆ เลิกใช้ "น้ำมัน" ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษน้อยลงไปตามลำดับ

โดยเชื้อเพลิงที่จะเข้ามาแทนที่ คือ "เซลล์เชื้อเพลิง" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ทางด้านไฟฟ้าเคมีที่สามารถเปลี่ยนแปลงพลังงานเคมีให้เป็นกระแสไฟฟ้า หรือพลังงาน ความร้อนได้โดยตรง ไม่ต้องมีกระบวนการเผาไหม้ที่จะเกิดมลพิษทางอากาศ ไม่มีการจุดระเบิด และไม่มีการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่ได้ก็ยังสูงกว่าเครื่องยนต์ชนิดเผาไหม้ถึง 1-3 เท่า เชื้อเพลิงที่ใช้ในปฏิกิริยาคือก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซออกซิเจน

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 12,412 Today: 2 PageView/Month: 8

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...